ผลข้างเคียง คีโม

ทำอย่างไร?

ผลข้างเคียงคีโม ทำไงดี?

"เคมีบำบัด" คือการให้ยาเพื่อทำลายหรือหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ตัวยานอกจากจะมีผลกับเซลล์มะเร็งแล้ว "ยาเคมีบำบัด" ยังมีความเป็นพิษต่อเซลล์ปกติในร่างกายด้วยเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิด ผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด ไม่ว่าจะเป็น คลื่นไส้, อาเจียน, ปากอักเสบ, มีแผลในปาก, เบื่ออาหาร, ภูมิคุ้มกันตก, เหนื่อยง่าย, นอนไม่หลับ, ปลายประสาท

อักเสบ, ท้องผูก, ท้องเสีย, ผมร่วง และเกิดอาการติดเชื้อได้ง่าย เป็นต้น ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้ป่วยเป็นอย่างมาก


การเตรียมความพร้อมก่อนทำเคมีบำบัดจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยลดผลกระทบด้านสุขภาพ และด้านจิตใจ โดยการเตรียมความพร้อมอาจหมายถึง การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่, การพักผ่อนให้เพียงพอ, ลดความวิตกกังวลลง รวมทั้งการเสริมเกราะป้องกันให้ร่างกายเพื่อรับมือกับมะเร็ง ให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ยาวนานมากขึ้นอย่างมีความสุข

ประสบการณ์จากผู้ใช้จริง

คุณไก่ ผู้ป่วยมะเร็งเต้านม

รับประทานเสริม เพื่อลดผลข้างเคียง

อาการคลื่นไส้ อาเจียน

ยาเคมีบำบัดบางสูตรอาจไม่ได้ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน หากได้ยาที่มีโอกาสทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน แพทย์จะให้ยาเพื่อป้องกันการคลื่นไส้อาเจียนไว้ก่อนทำการรักษา

วิธีดูแล

  • เลือกอาหารที่ย่อยง่าย งดอาหารทอด งดอาหารมัน
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารครั้งละมากๆ แต่ให้แบ่งรับประทาน มื้อละ 2-3 ครั้ง
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสจัด หรือ มีกลิ่นรบกวนแรงๆ
  • ถ้ากินข้าวได้น้อย อาจรับประทานเป็นอาหารเสริม เช่น ขนมปังกรอบ, ซีเรียล, นมผงเสริม ฯลฯ
  • ดื่มเครื่องเป็นน้ำผลไม้ หรือดื่มน้ำเย็นๆ เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น หรือชง แคนเซอร่า 003 ที่มีส่วนผสมของพืชฤทธิ์เย็นเช่น มะตูม เก๊กฮวย มะขามป้อม เพื่อช่วยปรับสมดุลภายในร่างกาย

แผลในปาก / ช่องปากอักเสบ

ยาเคมีบำบัดขางชนิดอาจทำให้มีแผลในช่องปากและลำคอได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ดื่มน้ำไม่เพียงพอ ก็อาจทำให้เกิดแผลในช่องปากได้ง่าย อาจรู้สึกปากคอแห้ง แดง เจ็บ หรือมีแผลพุพอง

วิธีดูแล

  • ดื่มน้ำให้มากๆ รวมไปถึงการรับประทานอาหารเหลวเสริมโภชนาการ
  • ทำให้ปากชุ่มชื่นอยู่สม่ำเสมอ เช่น การทาลิปมัน
  • ดูแลสุขภาพช่องปากสม่ำเสมอ หรือ ผู้ป่วยที่มีปัญหาเรื่องช่องปากอยู่ก่อนแล้ว ควรพบทันตแพทย์ก่อนเข้ารับการให้ยาเคมีบำบัดเพื่อดูแลปัญหาเกี่ยวกับฟันและช่องปาก
  • ควรใช้แปรงสีฟันที่มีขนนุ่ม แปรงเบาๆ และควรใช้ยาสีฟันสูตรเฉพาะที่ไม่ระคายเคืองกับช่องปาก
  • บ้วนและล้างปากด้วยน้ำเกลือ หรือ น้ำอุ่นทุกครั้ง หลังรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์

เบื่ออาหาร

นอกจากมีแผลที่ช่องปากจนทำให้ไม่อยากรับประทานอาหารแล้ว ยาเคมีบำบัด อาจส่งผลทำให้ประสาทการรับรู้เกี่ยวกับการรับรส รับกลิ่นเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน เช่น รู้สึกเฝื่อน ขม ไม่รู้รสอาหาร เหม็นกลิ่นอาหาร เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายของผู้ป่วยได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ

วิธีดูแล

  • เลือกรับประทานอาหารที่ชอบ ให้แบ่งรับประทาน มื้อละ 2-3 ครั้ง แทนการกินครั้งละมากๆ
  • เลือกรับประทานอาหารที่ให้โปรตีนและพลังงานสูง เช่น ไก่ ปลา ไข่ ถั่วต่างๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายมีเรี่ยวแรงและฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้น
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกลิ่นฉุน
  • ถ้ารู้สึกเหม็นคาวเนื้อสัตว์ อาจเปลี่ยนเป็นอาหารที่มีโปรตีนเป็นโปรตีนพืชแทนได้ แต่ควรทานให้หลากหลาย ทั้งจากถั่วเหลือง ถั่วลันเตา พืชสาหร่าย ถั่วต่างๆ เป็นต้น

สำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง ความต้องการอาหารจะแตกต่างจากคนปกติทั่วไป จำเป็นต้องได้รับสารอาหารเพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ เพื่อซ่อมแซมเซลล์ปกติที่เสียไปในระหว่างการรักษา และช่วยให้ร่างกายสามารถทนต่อการรักษาได้ดีกว่า ผู้ป่วยที่มีภาวะขาดสารอาหาร(ทุพโภชนาการ) เพราะฉะนั้นผู้ป่วย ควรพยายามรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ในระหว่างการรักษาจะดีที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ของการรักษาออกมาดีและมีประสิทธิภาพสูงสุด

ภูมิคุ้มกันตก เกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ

ยาเคมีบำบัด มีผลต่อการรแบ่งตัวของไขกระดูก ซึ่งทำหน้าที่ในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงที่มีหน้าที่ในการส่งออกซิเจนและพลังงานไปยังเซลล์ในร่างกาย, เม็ดเลือดขาวมีหน้าที่ในการป้องกันการติดเชื้อ และเกล็ดเลือดที่ทำหน้าที่ในการห้ามเลือด

วิธีดูแล

  • รักษาความสะอาดสม่ำเสมอ ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร รวมทั้งหลังการขับถ่าย พร้อมซับให้แห้งทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ผู้คนแออัด หรือการพบปะผู้คนมากๆ รวมทั้งสัตว์เลี้ยง
  • หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือ ผู้ที่เป็นไข้หวัด
  • หลีกเลี่ยงการได้รับบาดเจ็บอื่นๆ เช่น เกิดแผลจากการใช้มีด กรรไกร เข็ม หรือของมีคมต่างๆ, การถูกกระทบกระแทก, เลือดออกจากการดูแลช่องปาก, การออกกำลังกายที่อาจทำให้บาดเจ็บ เป็นต้น
  • บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด หรือ มีส่วนผสมของแอสไพริน
  • รับประทานอาหารที่ปรุงสุกเท่านั้น

ภาวะซีด เหนื่อยง่าย

ยาเคมีบำบัด มีผลต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงในไขกระดูก ที่มีหน้าที่ในการส่งออกซิเจนและพลังงานไปยังเซลล์ในร่างกาย เมื่อเม็ดเลือดแดงน้อยลง จึงส่งผลทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ จึงทำให้รู้สึกเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย มึนงง อาการคล้ายจะเป็นลม

วิธีดูแล

  • พักผ่อนให้เพียงพอ ทั้งในเวลากลางคืน และ การงีบหลับในเวลากลางวัน
  • รับประทานอาหารให้เพียงพอ ครบ 5 หมู่ แบ่งรับประทาน มื้อละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง
  • จำกัดการออกแรงหนักๆ แต่สามารถออกกำลังกายแบบเบาๆ ที่ไม่ทำให้เหนื่อยจนเกินไปได้
  • เสริมมื้ออาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น นมเสริมโภชนาการ, ซุปโปรตีนสูง, นม เป็นต้น

ท้องผูก

อาการท้องผูก เกิดจากการรับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ดื่มน้ำน้อย รวมถึงจากการได้รับยาเคมีบำบัด ก็อาจทำให้ท้องผูกได้เช่นกัน

วิธีดูแล

  • ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
  • รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช (ยกเว้นผักสดและผลไม้เปลือกบาง)
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ (ตามสภาพร่างกาย)
  • ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา

*กรณีที่ผู้ป่วย ไม่ได้ขับถ่ายนานเกินกว่าเวลาที่ขับถ่ายปกติ แพทย์อาจจ่ายเป็นยาระบายหรือยาสวนอุจจาระ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายผู้ป่วยด้วย ถ้ามีอาการเม็ดเลือดขาวต่ำหรือเกล็ดเลือดต่ำ แพทย์อาจจ่ายเป็นยาแบบอื่นให้แทน

ท้องเสีย

อาการท้องเสีย คือ การถ่ายอุจจาระเหลว หรือเป็นน้ำ มากกว่า 3 ครั้ง/วัน โดยส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดหรือได้รับการฉายรังสีรักษา (ฉายแสง) บริเวณอุ้งเชิงกราน

วิธีดูแล

  • ดื่มน้ำหรือซุปมากๆ เพื่อทดแทนน้ำที่เสียไป
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผักผลไม้ ธัญพืช เพราะจะทำให้ลำไส้บีบตัวมากขึ้น รวมทั้งควรหลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารทอด อาหารที่ปรุงด้วยเครื่องเทศจัดๆ
  • รับประทานอาหารที่ย่อยง่ายๆ
  • รับประทานอาหารที่มีกากใยต่ำ เช่น ซีเรียล ไข่ ขนมปังขาว ข้าวขาว มันฝรั่ง เป็นต้น
  • หลีกเลี่ยงการดื่มนม หรือ ผลิตภัณฑ์จากนม
  • ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น ร่วมกับมีไข้สูง ถ่ายปนเลือด ควรพบแพทย์ทันที

ปลายประสาทอักเสบ

ยาเคมีบำบัด อาจส่งผลกับระบบประสาท ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกชาปลายมือปลายเท้า หรือทำให้รู้สึกเจ็บแปลบๆ เหมือนโดนเข็มทิ่มไปตามร่างกาย ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงต่อผู้ป่วยได้ เช่น การทรงตัว การล้ม การได้รับบาดเจ็บอื่นๆ เนื่องจากร่างกายไม่อาจรับรู้ความรู้สึกได้ ผู้ป่วยจึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ ทั้งการหยิบจับของมีคม การเดิน การขึ้นลงบันได เป็นต้น แม้จะไม่สามารถป้องกันผลข้างเคียงที่เกิดกับระบบประสาทได้ แต่สามารถป้องกันไม่ให้อาการแย่ลงกว่าเดิมได้

ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ

อาการปวดที่เกิดจากยาเคมีบำบัด ส่วนใหญ่จะเกิดอาการปวดตามข้อใหญ่ เช่น สะโพก เข่า ไหล่ อาจปวดเล็กน้อย ไปจนถึงปวดรุนแรงแล้วแต่ผู้ป่วยแต่ละคน

วิธีดูแล

  • รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ใช้การประคบอุ่นบริเวณที่รู้สึกปวดได้ หรือ การนวดอาจช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้น

*อาการข้างเคียงที่เกิดจากการได้ยาเคมีบำบัดอาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยหรือไม่ก็ได้

ที่มา: คู่มือการดูแลตนเองสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

อาการข้างเคียงจากยาเคมีบำบัด โดยทั่วไปจะไม่ใช่อาการที่เกิดอย่างถาวร เพียงแต่ร่างกายของผู้ป่วยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อาการจะเกิดมาก เกิดน้อย ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย ทั้งสูตรของยาเคมีบำบัด ขนาดของยาเคมีบำบัดที่ได้รับ ระยะของโรค รวมทั้ง "การดูแลตัวเองของผู้ป่วย" ด้วย

แคนเซอร่า 003 พืชฤทธิ์เย็น

CANCERA 003

สูตรเฉพาะสำหรับผู้ป่วยที่กำลังรับการรักษา คีโม / ฉายแสง

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

สามารถปรึกษา/พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญ ก่อนเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ได้ที่...

icon-messenger
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ